ข่าวการเมือง

 วันที่ 1 เมษายน ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ อีสาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา และ เป็นคณะกรรมการพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมา สื่อสารไปยังทางด้าน ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ กรุ๊ป ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยรายใหญ่ของไทย อีกครั้งว่า หากท่านต้องการให้ผู้อื่นเห็นคุณค่าของสมาคมท่าน  และท่านอ้างว่าสิ่งที่พูดไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง คงต้องบอกให้ท่านกลับไปอ่าน บทสัมภาษณ์ ก่อนหน้านั้นอีกสักรอบ เพราะทุกบรรทัดล้วนแล้วเป็นเรื่องการเมือง และโจมตีรัฐบาล ไม่ว่าเรื่องการบริหารงาน การทุจริตคอรัปชั่น การดูแลด้านสาธารณสุข เรื่องค่าจ้างแรงงาน จริงอยู่ท่านไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่สิ่งที่ทุกคนได้อ่านก็เข้าใจตรงกันว่าท่านกำลังโจมตี รัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ ในการบริหารประเทศ ท่านเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าจะให้เด็กเคารพ ก็ต้องทำตัวเป็นตัวอย่างให้เด็กเคารพ อย่าให้เด็กถอนหงอก เอาตอนแก่ ทำเฉไฉ ในสิ่งที่ตัวเองพูด ไม่รับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง ปากท่านพูดเพื่ออะไรต้องรู้แก่ใจตัวเอง ว่ามีอคติหรือไม่ ใครฟังก็อ่านออกว่า

  30 มีนาคม 2566 นายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นพรรคประชาธิปัตย์ภาคเหนือซึ่งนำโดย นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมเดินชนทุกพรรค เพื่อดึงกระแสความนิยมจากฐานคะแนนเดิมและฐานคะแนนใหม่เพื่อ ปูทางสู่การเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลสนับสนุน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นั่งนายกรัฐมนตรี ไม่สนพรรคอื่น โพลไหนเพราะเชื่อมั่นพรรคประชาธิปัตย์ดีพอเป็นผู้นำรัฐบาล นายพิศณุพงศ์ฯ เผย นับเวลาอีกไม่นานก็จะมีการเลือกตั้ง สส.เกิดขึ้น ตนเชื่อภาคเหนือของประเทศไทย มีกระแสความนิยมในตัวพรรคประชาธิปัตย์มากขึ้นกว่าปี 62 แน่นอน ทั้งตัวบุคคลว่าที่ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์เองก็มีคุณภาพคับแก้ว พร้อมเป็นตัวแทนของประชาชนในสภาผู้แทนราษฎรแทบจะทุกคน ซึ่งทางภาคเหนือ ท่านรองหัวหน้าพรรคฯท่านนราพัฒน์ แก้วทอง ท่านใส่ใจในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ภาคเหนือพรรคประชาธิปัตย์เองก็มีจุดแข็งคือสถาบันการเมืองที่ยาวนานที่สุดของประเทศอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่พี่น้องประชาชนจะมองไม่เห็นผลงานต่างๆของพรรคฯที่พิสูจน์มาแล้วกว่า 78 ปี ตนรับอาสาลงพื้นที่ภาคเหนือจากท่านรองหัวหน้าพรรคฯใน

  วันที่ 30 มีนาคม 2566 ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ อีสาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา และ เป็นคณะกรรมการพรรครวมไทยสร้างชาติได้ออกมาตอบโต้ ไปยังทางด้าน ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหาร บริษัทในเครือฉวีวรรณ กรุ๊ป ผู้ส่งออกเนื้อไก่ไทยรายใหญ่ของไทย  ที่ได้ออกมาวิจารณ์ การทำงานของรัฐบาล ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  ซึ่ง ดร.ฉวีวรรณ บอกว่า การยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ถือเป็นความหวังที่คนไทยจะได้มีโอกาสได้เลือกอนาคตของตัวเองอีกครั้งว่าจะย่ำอยู่กับที่ หรือร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศให้ก้าวทันการเปลี่ยนไปของโลก โดยที่ผ่านมา 8 ปี นั้นประเทศนอกจากระบบการศึกษา เศรษฐกิจ และการคอร์รัปชันแล้ว หากใครได้มีโอกาสเดินทางไปพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร จะเห็นได้ว่า ระบบสาธารณสุขทั้งในระดับหมู่บ้าน ตำบล หรือแม้แต่ระดับจังหวัดบางแห่งย่ำแย่ และไม่ได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐ   ดร.เสกสกล กล่าว ว่า ที่ผ่านมานั้นรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ นั้นทำตรงกันข้ามกับที่ ทาง ดร.ฉวีวรรณ นายกสมาคมขี้ไก่ กล่าวมา เพราะประเทศไทย

  หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคเหนือเพิ่มเติม พร้อม ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ จำนวน 3 คน ซึ่ง นายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เผยตนมีชื่อ 1 ใน 100 ของรายชื่อ ว่าที่ผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมย้ำโล่งอก นายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อวานตนได้เดินทางไปที่พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อทำการเปิดตัว “เป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ” พร้อมกับ การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส แบบแบ่งเขต ภาคเหนือ ซึ่งท่านหัวหน้าพรรค ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์  พร้อมด้วยท่านนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคฯ ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ที่เหลือ ของภาคเหนือ พร้อม “แบบบัญชีรายชื่อ” ตนรู้สึกโล่งอกที่มีชื่อ เป็น ว่าที่ผู้สมัคร สส.แบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ ในเรื่องลำดับจะอยู่ตรงไหนขอให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ในพรรคประธิปัตย์เป็นผู้ตัดสินใจ เมื่อผู้ใหญ่ต้องการใช้งานเราก็พร้อมที่จะทำงานเพื่อพรรคฯอย่างเต็มที่ เพราะการมาครั้งนี้ผมไม่ได้มาคนเดียวแน่นอน แต่ผมมีพ่อแม่

 กลายเป็นข่าวเมื่อเด็ก ของ รทสช.ย้าย ซบ ประชาธิปัตย์ โดย เสธ.หิมาลัย ออกมายอมรับว่า นายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล เคยเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติจริง เรียกได้ว่า "เคน"หรือ นายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ วันนี้มาทำความรู้จัก ประวัติ เคน พิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล กัน ประวัติ "เคน" นายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล เกิดเมื่อ 1 ธันวาคม พ.ศ.2524 ที่อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี  พิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล การศึกษา ฺฺ- มัธยมต้น จบการศึกษาจากโรงเรียนกู่แก้ววิทยา อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี - ปวช.ปวส.การบัญชี ที่ วิทยาลัยพณิชยการบางนา แขวงบางนา กทม. - ปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต วิทยาลัยนครราชสีมา จ.นครราชสีมา - ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กทม. - หลักสูตรพัฒนาวินัยและความมั่นคงนักบริหาร โรงเรียนเสนาธิการทหารบก กทม. เริ่มการทำงานในบริษัทเอกชน ในตำแหน่งพนักงานขาย กับบริษัทส่งออกสินค้า ย่านบางนา กทม.ก่อนการเลือกตั้ง ปี 2561 เป็นแกนนำก่อตั้งพรรคพลังธรรมใหม่ ทางภาคเหนือ อีสาน ต่อมาเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ปี 2562 รับหน้าที่รอง

 24 มีนาคม  นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลาออกจากรัฐมนตรี แล้วย้ายกลับไปเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ว่าขณะนี้ในสังคมโซเชียลฯ กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งสองคน โดยเฉพาะนายสุริยะ ที่เคยประกาศจะไม่รับตำแหน่งใดๆหลังเลือกตั้ง 2562 แต่สุดท้ายก็กลับคำรับตำแหน่งรัฐมนตรี นายเสกสกล กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในการทำงานรัฐบาลร่วมกัน  ตนให้ความนับถือ และชื่นชมทั้งสองท่าน แต่พอได้เห็นทั้งสองย้ายค่าย แล้วอ้างว่าไปอยู่ในค่ายประชาธิปไตย ตนว่าประชาธิปไตยในร่างเผด็จการธุรกิจการเมืองมากกว่า และยิ่งมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา  ทั้งๆที่ 4 ปีที่ผ่านมาทั้งสองก็ร่วมในรัฐบาล ร่วมบริหารประเทศชาติด้วย ดังนั้นถ้ารัฐบาลจะบริหารผิดพลาด ทั้งสองก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เลย "แต่พอกลับเข้าคอกของนายโทนี่ กลับตาลปัตรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ แสดงว่า 4 ปีที่ผ่านมา ที่ทั้งสองเป็นรัฐมนตรีนั้น ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ได

 24 มี.ค.66 นายพิศณุพงศ์ สิทธิโชคแก้วมูล สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าว ถึงกรณี นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ตอบโจทย์กลุ่มเกษตรทั่วประเทศ “สำหรับตนแล้วการได้รับโอกาสได้มาเข้าร่วมพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นหมวกอีกใบ แต่ตนยังคงทำงานในนามของรัฐบาล ในตำแหน่ง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อีกด้วย ซึ่งได้ลงพื้นที่ พบปะพี่น้องเกษตรกรและประชาชนทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง จึงได้ทราบปัญหาของการดำรงชีวิตของพ่อแม่พี่น้องเป็นอย่างดี สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ในภาคเหนือและอีสานในครั้งนี้ตน คาดการณ์ว่าคะแนนต้องดีขึ้นเป็นอย่างมากแน่นอน โดยเฉพาะนโยบายที่ออกมานั้นตอบโจทย์พ่อแม่พี่น้องภาคเหนือ ภาคอีสาน ในทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายด้านการเกษตร ประกันรายได้ ชาวนารับ 30,000 บาท ต่อยอดเกษตรแปลงใหญ่ 3 ล้านบาท อาสาสมัครเกษตรกรรับค่าตอบแทน 1,000 บาท ซึ่งประกันรายได้ ซึ่งเป็นนโยบายที่เกษตรกรได้รับประโยชน์มาตลอดและจะได้ประโยชน์ต่อถ้าเราได้เป็นรัฐบาล นอกจากนี้ยังมี นโยบายฟรีนมโรงเรียน 365 วัน นโยบาย เรียนฟรีถึงปริญญาตรี นโยบายที่ดินทั้งการออกโฉนด 1 ล้านแปลงใน 4 ปี และออกกรรมสิทธิ์ทำกินให